เมนู

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] 73. อุปาทานอุปาทานสัมปยุตตทุกะ 7. ปัญหาวาร
73. อุปาทานอุปาทานสัมปยุตตทุกะ
7. ปัญหาวาร
1. ปัจจยานุโลม 1. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[102] สภาวธรรมที่เป็นอุปาทานและสัมปยุตด้วยอุปาทานเป็นปัจจัยแก่
สภาวธรรมที่เป็นอุปาทานและสัมปยุตด้วยอุปาทานโดยเหตุปัจจัย ได้แก่ เหตุที่
เป็นอุปาทานและสัมปยุตด้วยอุปาทานเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตอุปาทานโดยเหตุปัจจัย
(พึงอ้างบทที่เป็นมูล) เหตุที่เป็นอุปาทานและสัมปยุตด้วยอุปาทานเป็นปัจจัยแก่
สัมปยุตตขันธ์โดยเหตุปัจจัย (พึงอ้างบทที่เป็นมูล) เหตุที่เป็นอุปาทานและสัมปยุต
ด้วยอุปาทานเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และอุปาทานโดยเหตุปัจจัย (3)
[103] สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยอุปาทานแต่ไม่เป็นอุปาทานเป็นปัจจัยแก่
สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยอุปาทานแต่ไม่เป็นอุปาทานโดยเหตุปัจจัย ได้แก่ เหตุที่
สัมปยุตด้วยอุปาทานแต่ไม่เป็นอุปาทานเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์โดยเหตุปัจจัย
(พึงอ้างบทที่เป็นมูล) เหตุที่สัมปยุตด้วยอุปาทานแต่ไม่เป็นอุปาทานเป็นปัจจัยแก่
สัมปยุตตอุปาทานโดยเหตุปัจจัย (พึงอ้างบทที่เป็นมูล) เหตุที่สัมปยุตด้วยอุปาทาน
แต่ไม่เป็นอุปาทานเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และอุปาทานโดยเหตุปัจจัย (3)
[104] สภาวธรรมที่เป็นอุปาทานสัมปยุตด้วยอุปาทานและที่สัมปยุตด้วย
อุปาทานแต่ไม่เป็นอุปาทานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นอุปาทานและสัมปยุตด้วย
อุปาทานโดยเหตุปัจจัย ได้แก่ เหตุที่เป็นอุปาทาน สัมปยุตด้วยอุปาทาน และที่
สัมปยุตด้วยอุปาทานแต่ไม่เป็นอุปาทานเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตอุปาทานโดยเหตุปัจจัย
(พึงอ้างบทที่เป็นมูล) เหตุที่เป็นอุปาทาน สัมปยุตด้วยอุปาทาน และที่สัมปยุตด้วย
อุปาทานแต่ไม่เป็นอุปาทานเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์โดยเหตุปัจจัย (พึงอ้างบทที่
เป็นมูล) เหตุที่เป็นอุปาทานสัมปยุตด้วยอุปาทาน และที่สัมปยุตด้วยอุปาทานแต่ไม่
เป็นอุปาทานเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และอุปาทานโดยเหตุปัจจัย (3)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 43 หน้า :344 }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] 73. อุปาทานอุปาทานสัมปยุตตทุกะ 7. ปัญหาวาร
อารัมมณปัจจัย
[105] สภาวธรรมที่เป็นอุปาทานและสัมปยุตด้วยอุปาทานเป็นปัจจัยแก่
สภาวธรรมที่เป็นอุปาทานและสัมปยุตด้วยอุปาทานโดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่
เพราะปรารภอุปาทาน อุปาทานจึงเกิดขึ้น (พึงอ้างบทที่เป็นมูล) เพราะปรารภ
อุปาทาน ขันธ์ที่สัมปยุตด้วยอุปาทานแต่ไม่เป็นอุปาทานจึงเกิดขึ้น (พึงอ้างบทที่
เป็นมูล) เพราะปรารภอุปาทาน อุปาทานและสัมปยุตตขันธ์จึงเกิดขึ้น (3)
สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยอุปาทานแต่ไม่เป็นอุปาทานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่
สัมปยุตด้วยอุปาทานแต่ไม่เป็นอุปาทานโดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่ เพราะปรารภ
ขันธ์ที่สัมปยุตด้วยอุปาทานแต่ไม่เป็นอุปาทาน ขันธ์ที่สัมปยุตด้วยอุปาทานแต่ไม่
เป็นอุปาทานจึงเกิดขึ้น (พึงทำให้เป็น 3 วาระ ในฆฏนา ก็พึงทำให้เป็น 3 วาระด้วย)

อธิปติปัจจัย
[106] สภาวธรรมที่เป็นอุปาทานและสัมปยุตด้วยอุปาทานเป็นปัจจัยแก่
สภาวธรรมที่เป็นอุปาทานและสัมปยุตด้วยอุปาทานโดยอธิปติปัจจัย มี 3 วาระ (3)
สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยอุปาทานแต่ไม่เป็นอุปาทานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่สัมปยุตด้วยอุปาทานแต่ไม่เป็นอุปาทานโดยอธิปติปัจจัย มี 2 อย่าง คือ
อารัมมณาธิปติและสหชาตาธิปติ (มี 3 วาระ แม้ใน 3 วาระก็พึงเพิ่มอธิปติปัจจัย
ทั้ง 2 แม้แต่อธิปติปัจจัยที่เป็นฆฏนา ก็มี 3 วาระ)

อนันตรปัจจัย
[107] สภาวธรรมที่เป็นอุปาทานและสัมปยุตด้วยอุปาทานเป็นปัจจัยแก่
สภาวธรรมที่เป็นอุปาทานและสัมปยุตด้วยอุปาทานโดยอนันตรปัจจัย ได้แก่ ขันธ์
ที่เป็นอุปาทานและสัมปยุตด้วยอุปาทานซึ่งเกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่อุปาทานที่
เกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย (พึงทำเป็น 9 วาระ อย่างนี้ ไม่มีทั้งอาวัชชนจิต
และวุฏฐานะ)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 43 หน้า :345 }